พุทธรักษาดอกไม้ประจำวันพ่อ

ดอกไม้ประจำวันพ่อ
วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันพ่อแห่งชาติ กำหนดขึ้นครั้งแรก ในปี2523และกำหนดให้ดอกพุทธรักษาสีเหลือง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อ 

“พุทธรักษา” ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าทรงปกป้องคุ้มครอง ให้มีแต่ความสงบสุขร่มเย็น ซึ่งมีเรียกกันมากว่า 200 ปี และสีเหลืองอันเป็นสีประจำวัน พระราชสมภพขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทย การมอบดอกพุทธรักษาให้กับพ่อ จึงเสมือนกับการบอกถึง
ดอกพุทธรักษา ดอกไม้วันพ่อ
ความรักและเคารพบูชาพ่อ ผู้สร้างความสงบสุขร่มเย็นให้แก่ครอบครัว

คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพุทธรักษาไว้ประจำบ้านจะช่วยปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้มีเหตุร้ายหรืออันตรายเกิดแก่บ้านและผู้อาศัย เพราะพุทธรักษาเป็นพรรณไม้ที่เชื่อกันว่า มีพระเจ้าคุ้มครองรักษาให้มีความสงบสุข คือเป็นไม้มงคลนามนั่นเอง
พุทธรักษาเป็นไม้ในเขตร้อนตามบันทึกถูกพบครั้งแรกในหมู่เกาะเวสอินดี้ และแถบอเมริกาใต้ จะพบได้ทั้งในที่ลุ่มและที่ดอนในเขตต่างๆอย่างไรก็ตามไม้นี้ถูกนำมาพัฒนา เป็นไม้ประดับและขยายพันธุ์ให้ดีขึ้นโดยชาวยุโรปในช่วงเวลาหลายปีนั้นต้นไม้ ได้มีการปรับตัวให้ทนกับทุกสภาพอากาศในประเทศต่างๆแม้ว่าสภาพอากาศในเขตที่ หนาวจัดเป็นอุปสรรคในการปลูกแต่ถ้าสามารถเข้าใจวงจรการเจริญเติบโตของมัน แล้วการใช้เทคนิคต่างๆก็สามารถชนะธรรมชาติได้ในที่สุด
ชื่อไทยของ พุทธรักษานั้นไม่มีการบันทึกว่าตั้งโดยผู้ใดแต่เป็นชื่อที่ไพเราะมีความหมาย เหมาะกับ

วัฒนธรรมของบ้านเราที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติที่ชาวพุทธทุก คนควรปกป้องและรักษาไว้ แต่ชื่อสากลที่เรียกว่า แคนนาส์ (Cannas) มาจากศัพท์ของภาษากรีกที่เขียนเป็นอังกฤษว่า (Kanna) ที่หมายถึง ต้นไม้ที่มีลักษณะคล้ายต้นอ้อ มีการเรียกไม้นี้ในต่างประเทศอย่างหลากหลาย อาทิเช่น แคนนา ลิลี่ (Canna lily) อินเดียนช็อตแพล้น (Indian short plant) ฯลฯ ในประเทศสเปน ชาวบ้านนำเมล็ดที่กลมแข็งสีดำมาใช้ทำลูกปัด เครื่องดนตรีที่เรียกว่า โฮชา (Hosha) ของชาวซีมบาเว ที่ใช้ในการเขย่านั้นใช้เมล็ดพุทธรักษาเป็นส่วนประกอบ

ลักษณะ ทั่วไป
พุทธรักษาเป็นพรรณไม้ล้มลุก เนื้ออ่อนอวบน้ำ ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า มีการเจริญเติบโตโดยแตกหน่อเป็นกอคล้ายกับกล้วย ลักษณะหน่อที่เจริญเป็นต้นเหนือพื้นดินนั้นมีลักษณะกลมแบนสีเขียวขนาดลำต้น โตประมาณ 2-4 เซนติเมตร ใบมีขนาดใหญ่สีเขียวโคนใบและปลายใบรีแหลม ขอบใบเรียบ กลางใบเป็นเส้นนูนเห็นได้ชัดโคนใบมีก้านใบซึ้งยาวเป็นกาบใบหุ้มลำต้นซ้อน สลับกัน ขนาดใบกว้างประมาณ 10-15 เซนติเมตร ยาวประมาณ 25-35 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อตรงส่วนยอดของลำต้น ช่อดอกยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร ประกอบด้วยดอก 8-10 ดอก และมีกลีบดอกบางนิ่ม ขนาดของดอกและสีสรรแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นพุทธรักษาไว้ทางทิศตะวันตก ผู้ปลูกควรปลูกในวันพุธ เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางดอกให้ปลูกในวันพุธ

การปลูก นิยมปลูก 2 วิธี
1. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน ถ้าปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ควรใช้แปลงปลูกขนาด 2 x 10 เมตร โดยการยกร่องคล้ายแปลงปลูกผัก การเตรียมดินใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 10-20 กิโลกรัม/แปลง ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x30 แต่ถ้าปลูกเพื่อประดับบ้าน คนไทยโบราณนิยมปลูกไว้เป็นแนวรั้วบ้านหรือปลูกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ในพื้นที่ที่จำกัด ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก
2. การปลูกในกระถางเพื่อประดับอาคารบ้านเรือน ส่วนใหญ่ใช้เป็นดอกประดับภายนอก ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10-16 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก:แกลบผุ:ดินร่วนอัตรา1:1:1ผสมดินปลูกและควร เปลี่ยนกระถาง12ครั้งต่อปีเพราะการขยายตัวของหน่อแน่นเกินไป และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่ แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป

การ ดูแลรักษา
แสง ชอบแสงรำไร หรือแสงแดดจัดกลางแจ้ง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 3-5 วัน/ ครั้ง
ดิน เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย
ปุ๋ย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/กอ ปีละประมาณ 4-6 ครั้ง
การขยายพันธุ์ นิยมขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ เพาะเมล็ด

วิธีที่นิยมและได้ผลดี การแยกหน่อ
โรคและแมลง ไม่ค่อยมีโรคที่ เป็นปัญหา ส่วนแมลงที่รบกวน ได้แก่ พวกเพลี้ยแป้งและเพลี้ยหอย ซึ่งจะพบมากในหน้าร้อน
การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วย มาลาไธออนหรือไดอาซินอนถ้าหากกอมีขนาดใหญ่และทึบอาจใช้ยาดูดซึม จำพวกไซกอน ละลายน้ำรด ตามอัตราที่ระบุไว้ในฉลากก็ได้

สรรพคุณ
ในประเทศปาปัวนิวกินีกินหัวต้นพุทธรักษาเป็นอาหารหลักเหมือนหัวเผือกหัวมัน ของไทยเราสมัยโบราณนำหัวต้มรับประทานบำรุงปอด แก้อาเจียนหรือไอเป็นเลือด บางครั้งนำดอกมาใช้ห้ามเลือด รักษาแผลที่มีหนอง เมล็ดบดพอกแก้ปวดศรีษะ ส่วนพันธุ์พุทธรักษาปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันในสรรพคุณ จึงขอแนะนำว่าอย่าพึ่งไปลองกิน ควรใช้ทดลองตามสรรพคุณแต่ภายนอกร่างกายจะดีกว่า

ประโยชน์ในลักษณะไม้ประดับ
ประวัติการปลูกต้นพุทธรักษาในประเทศไทยมีมานานเกือบ 200 ปีมาแล้ว ปัจจุบันพุทธรักษาถูกนำมาปลูกใหม่อย่างกว้างขวาง จำได้ว่าครั้งแรกที่ตื่นตาตื่นใจเกี่ยวกับพุทธรักษาคือเมื่อผ่านไปเขตบางแค สัก 10 กว่าปีมาแล้วสองข้างทางต้นพุทธรักษาขึ้นเต็มสวยงามขนาดที่ว่าทำให้เขตนี้ได้ รับรางวัล ระดับเขตจากการปลูกไม้ประดับประเภทนี้กันทีเดียว ต่อมาเมื่อขึ้นไปเที่ยวเชียงรายไปถนนสายแม่จันสองข้างทางต่างปลูกพุทธรักษา กันอีก ชมรมแม่บ้านแถบนี้เริ่มมีอาชีพใหม่จากการขายหน่อต้นพุทธรักษา ราคาหน่อละ 5 บาท
พุทธรักษา เป็นไม้ที่หาเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ อยู่ในที่น้ำท่วมหรือที่แห้งแล้งก็ได้ เพียงแต่ถ้าที่แห้งลักษณะต้นจะเล็กและดูเหมือนต้นไม่สมบูรณ์ สวยงามเท่าต้นที่อยู่ในพื้นที่แฉะชื้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นว่าพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยรอบที่เป็นที่รกร้างว่างเปล่า กรุงเทพมหานครจะนำเอาต้นพุทธรักษามาลงปลูกเป็นแถวเป็นแนว บังกอหญ้ารกๆให้พ้นจากสายตาคนที่สัญจรไปมา เนื่องจากพุทธรักษาเป็นไม้ที่เมื่อลงปลูกแล้ว ไม่ต้องไปสนใจก็สามารถงอกงามให้ดอกสีสวยจับตาผู้คนที่ผ่านไปได้ดี โดยถ้าลงมือปลูกช่วงหน้าฝนด้วยแล้ว ไม่ต้องไปรดน้ำให้แตกหน่อแตกขยายพุ่มเพราะความที่สามารถหาน้ำและอาหาร กินได้เอง ที่ริมถนน ทุ่งวัชพืชจึงค่อยๆแปรสภาพกลายเป็นทุ่งพุทธรักษา มาบดบังสายตากันเกือบหมดแล้ว

ดังนั้นถ้าใคร มีที่ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ และไม่มีเวลาดูแล การปลูกพุทธรักษาให้เต็มพื้นที่หรือปลูกหน้าที่ให้บังที่ด้านใน กันคนมาทิ้งขยะหน้าที่ของเรา การปลูกพุทธรักษา จึงดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่งเหมือนกัน

เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย manman