ทุ่งดอกไม้ที่น่าเที่ยวของประเทศไทย(ตอน2)

1. ทุ่งดอกไม้ภูสอยดาว
(ภาพประกอบ)
ช่วง เวลาที่เหมาะแก่ การชมทุ่งดอกหงอนนาคคือเดือนสิงหาคม ถึง เดือนกันยายน หรือเรียกได้ว่าแบ่งบานกันในช่วงฤดูฝนถึงช่วงปลายฝนก็ว่าได้ ดอกหงอนนาค ดอกมีสีม่วงอ่อน ที่นี่เป็นทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ถึง 4,000 ไร่ ดอกหงอนนาคจะทยอย
ออกดอกประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน เมื่อ ดอกหงอนนาคโรยไปก็จะมีดอกกุงผลิบานขึ้นมา
ทดแทน ดอกกุงเป็นดอกสีเหลืองเต็มทุ่งหญ้า จะออกดอกในช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม นอก จากนี้ยังมีดอกไม้อื่นๆ มีมากมายหลายชนิด พันธ์ไม้ที่มีคุณค่าและหายากในแหล่งอื่น แต่หาชมได้ ้ ้ที่นี่คือ รองเท้านารีอินทนนท์ลาว จะออกดอกประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ของทุกปี
ภูสอยดาว มีจุดสูงสุดคือ 2,035 เมตร แต่นักท่องเที่ยวไม่นิยมเที่ยวกัน ลานสนภูสอยดาวที่
ระดับ ความสูง 1,633 เมตร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดเพราะเป็นทั้งจุดกางเตนท์
ลาน สนที่ประกอบไปด้วยต้นสนมากมาย ทุ่งดอกไม้ยามฤดูฝนถึงปลายฤดูฝน พื้นที่ทีไม่กว้างใหญ่เท่าภูกระดึงแต่ก็กว้างใหญ่พอให้นักท่องเที่ยวได้เดิน
สำรวจ และชื่นชมความงามของทุ่งดอกไม้ นอกจากนี้ที่ภูสอยดาวยังมีน้ำตกที่น่าสนใจคือน้ำตกสายทิพย์และ น้ำตกมอสสำหรับนักเดินทาง ที่ชอบธรรมชาติ

การเดินทาง
1. จากจังหวัดพิษณุโลก ใช้ทางหลวงเลข 11 ที่มุ่งตรงไปยังจังหวัดอุตรดิตร์ เมื่อถึงอำเภอวัดโบสถ์ ( 28 กม. จากพิษณุโลก )ให้แยกขวาไปบ้านโป่งแคตามทางหลวง หมายเลข 1206 เมื่อถึงสามแยกบ้านโป่งแค ( 46 กม ) ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1143 มุ่งตรงไป จนถึง
อำเภอชาติ ตระการ ( 32 กม.) ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1237 วิ่ง ตรงไปอีก 71 กม เป็นทางลาดยางช่วงแรกเป็นทางผ่านทุ่งนา ช่วงท้ายเป็น
ทาง ลัดเลาะตามไหล่เขาทางแคบชำรุดเป็นบางช่วง แต่ทางไม่ชัน มีรถยนต์น้อย ไปตอนกลางคืนน่ากลัว แต่ถ้าผ่านเส้นทางนี้ช่วงเช้ามืดจะเห็นวิวที่สวยงามมากถึง แยกทางหลวงสาย 1268 เลี้ยวซ้ายไปภูสอยดาว ระยะทาง 58 กม.
2. จาก พิษณุโลก มุ่งตรงไปยังจังหวัดอุตรดิตถ์ประมาณ กม 70 กว่าๆ ให้แยกขวาไปยังบ้านน้ำพี้ เมื่อถึงสามแยกตัดกับถนนสาย 1047
1047 ให้ เลี้ยวขวาไปตามเส้นทาง 1047 ตรงไปไกลมากจนเลยอำเภอน้ำปาด จนถึงโรงพยาบาลน้ำปาดให้แยกขวาไปตามถนนสาย 1239 มุ่งตรงไปบ้านห้วยมุ่น (แต่ไม่ได้ผ่านหมู่บ้านห้วยมุ่น) ตรงไป 47 กม มีโค้งหลายร้อยโค้งขึ้นๆ ลงๆ เนิน ถนนสภาพดี เส้นทางปลอดภัย ขับไปจนครบ 47 กม จะพบกับทางสามแยกให้แยก ขวาไปอีก 18 กม ก็ถึงสะพานข้ามลำห้วย นั่นล่ะคือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เริ่มเดินขึ้นกันจากจุดนี้

2. ทุ่งดอกไม้ดงนาทาม พอ ฝนใกล้หมดหรือปลายฝนต้นหนาวเราอยากแนะนำ
(ภาพประกอบ)
ให้ท่านได้สัมผัสกับทุ่งดอกจิ่ว ดอกไม้ป่าไว้ 5 ชนิด ได้แก่ ดุสิตา สร้อยสุสวรรณา ทิพเกสร มณีเทวา
สรัสจันทร พันธุ์ดอกไม้ป่านี้จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ดอกไม้ป่า จะบาน
เต็มที่ ช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน ถึงปลายเดือน ธันวาคม ของทุกปีที่ดงนาทาม ที่ผาชนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียม จ. อุบลราชธานี

การ เดินทาง จากจังหวัดอุบลราชธานีไปยังอำเภอ โขงเจียม ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร แล้วเดินทางไปตามเส้นทางยุทธศาสตร์สายโขงเจียม-เขมราฐ อีก 15 กิโลเมตร เลี้ยวขวาต่อไปอีก 5 กิโลเมตร จะถึงภูผาขาม ท้องที่บ้านหนองผือน้อย ตำบลห้วยไผ่ อำเภอโขงเจียม ซึ่งที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ผาแต้มตั้งอยู่ ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสิ้นสุดบนลานภูผาขาม
3. ทุ่งดอกไม้ภูจองนา-ยอ ย
(ภาพประกอบ)
ช่วง เวลาที่เหมาะสมของการมาเที่ยวชมทุ่งดอกไม้จิ๋วทีภูจองนายอย คือ ต้นเดือนพฤศจิกายนถึง
เดือนธันวาคม ทุ่งดอกไม้พลาญป่า ชาด ตั้งอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อ.นาจะหลวยจ. อุบลราชธานี อยู่ระหว่างทางจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปน้ำตกห้วยหลวง เป็นลานหินที่แวดล้อมด้วยป่าเต็งรัง ใน ช่วงต้นฤดูฝนดอกกระเจียวจะผลิดอกเบ่งบานเต็มท้องทุ่ พอถึงช่วงปลายฝนต้นหนาว พืชขนาดเล็กอย่างหยาด น้ำค้าง ดุสิตาและสร้อยสุวรรณจะออกดอกสวยงาม จากถนนเดินเข้าไปเพียง 500 เมตร ก็จึงลานหินทุ่ง กว้างดอกไม้ ละลานตา ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการถ่ายภาพตั้งแต่บ่ายสามเป็นต้นไป เพราะรอให้ดอกกุง ผลิ บาน สีเหลือง อร่าม ไปทั่วท้องทุ่ง

การ เดินทาง จากกรุงเทพฯ ได้ทั้งทางรถไฟ รถยนต์ สายเก่า-สายใหม่ เมื่อถึงจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว
เดินทางโดยรถยนต์ประจำทาง จังหวัดอุบลราชธานี อำเภอนาจะหลวย ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ถ้าหากจะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว แนะนำให้ใช้เส้นทาง
อุบลราชธานี-อำเภอ วารินชำราบ อำเภอเดชอุดม อำเภอน้ำยืน อำเภอนาจะหลวย ระยะทางรวม 140 กิโลเมตร ก่อนถึงอำเภอนาจะหลวยประมาณ 10 กิโลเมตร จะถึงบ้าน
แก้งเรืองซึ่งมีทางแยกเข้าอุทยานแห่งชาติ

4. ทุ่ง ดอกเปราะภูสีชมพู : เขตรักษาพันธุ์ป่าภูหลวง
(ภาพประกอบ)
เปราะ ภูสีชมพูแบ่งบานในช่วงต้นฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายน ของทุกปี เขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง
หรือ ดินแดนที่เรียกว่า มรกตแห่งอีสาน ดินแดนแห่งกล้วยไม้หลากหลายสายพันธุ์ ที่ดินในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงถูกกำหนดให้เป็นเขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่าเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2517 มีเนื้อที่ประมาณ 848 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 530,000 ไร่ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอวังสะพุง อำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย และกิ่งอำเภอภูหลวง จังหวัดเลย และได้มีการกำหนดพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าภูหลวงขึ้นใหม่ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2534 เนื่องจากมีการผนวก พื้นที่ เพิ่มเติมและเพิกถอนพื้นที่บางส่วน มีเนื้อที่ประมาณ 897 ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 560,593 ไร่

การ เดินทาง
เส้นทางที่ 1 กรุงเทพฯ - จังหวัดสระบุรี - อำเภอสีคิ้ว - จังหวัดชัยภูมิ - อำเภอภูเขียว- อำเภอชุมแพ - อำเภอภูกระดึง
- อำเภอสะพุง - จังหวัดเลย ระยะทางประมาณ 560 กิโลเมตร
เส้น ทางที่ 2 กรุงเทพฯ - จังหวัดสระบุรี - จังหวัดเพชรบูรณ์ - อำเภอหล่มสัก - อำเภอหล่มเก่า - อำเภอด่านซ้าย -
อำเภอ ภูเรือ - จังหวัดเลย ระยะทางประมาณ 530 กิโลเมตร
การเดินทางจากจังหวัดเลยไปยังที่ ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวงออกเดินทางจากตัวจังหวัดเลยไปตามเส้นทางสาย จังหวัดเลย - อำเภอภูเรือ ระยะทาง 36 กิโลเมตร จะถึงบ้านสานตม แล้วแยกซ้ายที่บ้านสามตมไปอีก 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง
สำหรับ ผู้ที่เดินทางโดยเส้นทางที่ 2 ถ้าไม่เข้าตัวจังหวัดเลย เมื่อเดินทางผ่านอำเภอภูเรือไปตามเส้นทาง เข้าจังหวัดเลยได้ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร จะถึงบ้านสามตม แล้วแยกขวาที่บ้านสามตมไปเป็นระยะทาง 18 กิโลเมตร จะถึงที่ ี่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง

5. ทุ่งดอกเปราะภูสีขาว : ภูหินร่องกล้า
(ภาพประกอบ)
ดอก เปราะภูสีขาวที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก จะผลิบานต้อนรับนักท่องเที่ยวประมาณ
กลางเดือนมิถุนายนถึงราวกลางเดือน กรกฎาคมหรือช่วงฤดูฝน ช่วงที่ดอกเปราะภูสวยสดที่สุดคือ
ปลายเดือน มิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้แล้วที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ายังมีแหล่ง-
ท่องเที่ยว อื่นๆที่น่าสนใจอาทิเช่น ลานหินปุ่ม ลานหินแตก ผาชูธง โรงเรียนการเมืองการทหาร
กังหันน้ำ จุดชมวิวภูหมันขาว น้ำตกหมันแดง น้ำตกร่มเกล้า-ภราดร น้ำตกผาลาดและน้ำตกตาดฟ้า
น้ำตกศรีพัชรินทร์

การเดินทาง
อุทยานแห่งชาติภุหินร่องกล้า ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศเหนือ ระยะทาง 500 กิโลเมตร ใช้เวลา
เดินทางโดยรถยนต์ ประมาณ 6 ชั่วโมง ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลก 120 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ใช้ทาง
หลวง แผ่นดินหมายเลข 1 ( ถนนพหลโยธิน) แยกเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 32 ผ่าน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา , สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ จากนั้นแยกขวา
เข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 ระยะทาง 130 กิโลเมตร ถึงตัวเมืองพิษณุโลก จากตัวเมืองพิษณุโลก เส้นทางที่สะดวกที่สุด คือใช้ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 12
สาย พิษณุโลก - หล่มสัก จากนั้นแยกซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2013 ไปทางอำเภอนครไทย ก่อนถึงตัวอำเภอนครไทย มีทางแยกขวามือตามทางหลวง
หมายเลข 2331 มุ่ง หน้าสู่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สภาพเส้นทางสูงชัน และคดเคี้ยวเป็นบางช่วง